ฉีกประสิทธิภาพการทำงานด้วย “ศิลปะแห่งความไม่เป็นทางการ”
ฉีกประสิทธิภาพการทำงานด้วย “ศิลปะแห่งความไม่เป็นทางการ”

ขึ้นชื่อว่า “การทำงาน” อาจทำให้คุณนึกถึงบรรยากาศที่คนหลายสิบคนนั่งเรียง ๆ กัน
เหมือนไลน์การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ต่างกันตรงที่
คนทำงานแต่ละคนนั้นนั่งหลังติดเก้าอี้ ตัวติดโต๊ะ ตามองจอคอม
สร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วยการเสียบหูฟัง มือพลางพลิกหน้าเอกสาร ห้อมล้อมรอบตัวไปด้วยพาร์ติชั่น
หรือคุณอาจเห็นภาพภาพบรรยากาศของการประชุมทีมงามล้อมรอบโต๊ะสี่เหลี่ยม
ในห้อง Meeting Room กล่าวนำเนื้อหาด้วยตำแหน่งหัวโต๊ะ ในบรรยากาศนิ่ง ๆ ของการใช้ความคิด
ที่ทำเอาบางคนอาจเผลอหลับหรือแอบวาดการ์ตูนในสมุดโน๊ตแก้เซ็ง
เมื่อนึกภาพตามก็ยิ่งเหมือนภาพหลอนที่ชวนให้รู้สึกว่าบรรยากาศของการทำงานนั้น
มันช่างน่าเบื่อซะเหลือเกิน แต่คำถามก็คือ
“บรรยากาศการทำงานต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรือ ?”
เพราะอันที่จริงแล้วคำว่า “จริงจัง” นั้นคนละความหมายกับ “หน้าดำคร่ำเครียด”
และบรรยากาศที่ดีจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ความคิดปลอดโปร่ง
พร้อมสร้างงานได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด โดยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของ 2 ปัจจัยเข้าด้วยกันครับ
บรรยากาศทางกายภาพ
จริงอยู่ที่ว่าการทำงานนั้นต้องอาศัยสมาธิและความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง
แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดูเหมือนแอบซ่อนความคุกรุ่น
และพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา เพราะนิยามของบรรยากาศการทำงานในยุคใหม่ในหลาย ๆ แห่งของโลกอย่างออฟฟิศชื่อดังของ Google ที่ฉีกภาพเดิม ๆ ของสถานที่ทำงานแบบอนุรักษ์ไปอย่างแหวกแนว
จนกลายเป็นแรงบรรดาใจในการสร้างบรรยากาศของออฟฟิศอีกหลาย ๆ บริษัททั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ในบ้านเราอย่าง KTC , Kaidee , DTAC และอีกหลายแห่งที่คุณสามารถไปเสิร์ชดูให้รู้สึกอิจฉาพนักงานของที่นั่นได้ครับ
ไม่ใช่แค่เรื่องของ Interior หรือเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นที่มีผลต่อความรู้สึกของคนทำงาน
แต่เรื่องของเสียงดนตรีที่ช่วยเสริมสมาธิ และเรื่องของแสงที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยหนุนชีวิตชีวาให้เกิดกระแสทางความคิดและผลิตงานออกมาทั้งสิ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลักษณะของงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เรามักจะได้เห็น