top of page

กรณี Dolce & Gabbana กับอุทาหรณ์สอนใจ “ผู้นำ”

กรณี Dolce & Gabbana กับอุทาหรณ์สอนใจ “ผู้นำ”

เป็นข่าวใหญ่ฮือฮาพางานเข้าสำหรับแบรนด์สินค้าระดับโลกชื่อดังที่กลายเป็น ‘ชื่อพัง’ ในชั่วข้ามคืน อย่าง Dolce & Gabbana กับกรณีดราม่าในประเด็นที่อ่อนไหวต่อวัฒนธรรมของชาวจีน สร้างความไม่พอใจจนชาวจีนพากันถล่มช่องทางในโซเชียลมีเดียของแบรนด์อย่างหนัก หนำซ้ำยิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟให้ร้อนระอุขึ้นไปอีก เมื่อ Stefano Gabbana ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ได้มีแชทหลุดที่แสดงคำพูดโต้ตอบชาวจีนอย่างรุนแรง แม้ว่าในภายหลังเจ้าตัวจะออกมาบอกว่า Account ของตนนั้นถูกแฮ็ก ก็ยังไม่วายนำมาซึ่งการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ในจีน ส่งผลกระทบสุดวิกฤตต่อการดำเนินธุรกิจในทำเลที่เป็นเค้กชิ้นโตของโลก

ไม่ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์อื้อฉาวนี้แท้จริงจะเป็นอย่างไร แต่มันก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับว่า เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรสำหรับคนเป็น “ผู้นำ” ได้บ้าง ?

ใช้ “สติ” กำกับอารมณ์

‘ความรู้สึกที่ไม่พอใจ’ เป็นอารมณ์พื้นฐานที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนของสังคมก็ตาม แต่สำหรับสถานะที่สามารถสร้างผลกระทบได้มหาศาลอย่าง “ผู้นำ” นั้น การปล่อยปละอารมณ์ชั่ววูบให้ออกมาเพ่นพ่านต่อหน้าผู้ตามหรือสาธารณชน จะสามารถทุบทำลายสถานะในหน้าที่การงานหรือธุรกิจได้อย่างราบคาบเลยทีเดียว ดังนั้นนอกจากจะมีความชาญฉลาดในการสร้างสรรค์และบริหารงานแล้ว คนเป็นผู้นำต้องมีความฉลาดทางอารมณ์เป็นของคู่กันด้วย เพื่อถือครองสติที่แข็งแกร่งและเยือกเย็นให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่น่ากระอักกระอ่วมไปได้ ไม่ใช่ปล่อยให้อาการน็อตหลุดฉุดทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายไปหมดอย่างน่าเสียดาย เพราะหากยังไม่สามารถนำอารมณ์ของตัวเองได้ แล้วจะไปอยู่หัวแถวนำองค์กรได้อย่างไรกัน !?

ยิ่งอยู่ในจุดที่พูดเสียงดัง ยิ่งต้องระวัง “คำพูด”

อย่าว่าแต่เคสเป็นที่เคลือบแคลงใจของ Dolce & Gabbana นี้เลยครับ กรณีอื่น ๆ ที่เคยเห็นเป็นข่าวกันมานักต่อนักที่ผู้บริหารระดับสูงบางคน บุคคลสำคัญของบางแห่งเผลอแสดงพฤติกรรมหรือพลั้งปากด้วยคำพูดที่จุดไฟเผาตัวเอง มันจึงมีความสำคัญเหมือนอย่างที่สุภาษิตพยายามเตือนใจเราอยู่เสมอว่า “ก่อนพูดนั้นเราเป็นนาย ‘คำพูด’ แต่หลังจากที่พูดไปแล้ว ‘คำพูด’ จะเป็นนายเรา” ดังนั้นการจะลั่นวาจาอะไรออกไปแต่ละครั้ง จะต้องไม่ลืมว่าคำพูดของผู้นำนั้นย่อมเสียงดังกว่าคนทั่วไปเสมอ อยู่ที่เราจะใช้เครื่องขยายเสียงนี้อย่างไรเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าพูดได้อย่างยอดเยี่ยม คุณจะครองใจผู้คนได้แทบทุกหัวหาด เหมือนอย่างวาทะของประธานาธิบดี John F. Kennedy ผู้เป็นแบบอย่างที่โลกยกย่อง แต่ถ้าเมื่อไหร่ขาดสติหลุดปากด้วยถ้อยคำอันไม่เหมาะสมออกไป เมื่อนั้นความหายนะขนาดใหญ่จะถามโถมเข้าใส่อย่างหนักเลยทีเดียว เพราะว่าคำพูดเพียงคำเดียวอาจมีอำนาจมากพอที่จะ ‘เปลี่ยนชีวิต’ หรือ ‘ปลิดชีวิต’ เราได้ทั้งนั้นครับ

ยืดอกแสดง “ความรับผิดชอบ”

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา Domenico Dolce และ Stefano Gabbana 2 ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dolce & Gabbana ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ท้ายที่สุดแล้วไม่รู้ว่าจะช่วยชำระล้างความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรในฐานะของผู้นำก็ต้องยึดถือจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบตรงนี้ไว้อย่างสูง ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ได้หมายถึงเฉพาะเจ้าของแบรนด์ทั้งสองที่กล่าวถึงไปเท่านั้น เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การออกมาแสดงความรับผิดชอบถือเป็นคุณสมบัติและสปิริตที่คนเป็นผู้นำต้องยอมรับตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวขึ้นมาแล้วล่ะครับ เพราะคำว่า “ความรับผิดชอบ” ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าต้องรับทั้ง ‘ผิด’ และ ‘ชอบ’ ยิ่งสำหรับการยืนอยู่ในจุดที่สูง ความรับผิดชอบตรงนี้ก็ต้องมีสูงเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

จากการที่หยิบยกเหตุการณ์นี้ขึ้นมาพูดถึงนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะประจานหรือเหยียบย่ำซ้ำเ