top of page

ต้องมีสายตาแบบไหน ถึงจะมองการณ์ไกลได้แบบ “เจฟ เบโซส์” ?

ต้องมีสายตาแบบไหน ถึงจะมองการณ์ไกลได้แบบ “เจฟ เบโซส์” ?

ในยุคนี้ไม่น่าจะมีใครที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ “เจฟ เบโซส์” ผู้ก่อตั้ง Amazon.com

อาณาจักรค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก

จากการจัดอันดับของ Forbs ปี 2018 ที่สามารถเหยียบคันเร่งแซงแชมป์เก่าอย่าง บิล เกต มาได้

ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่ทิ้งห่างกันเกือบ 1,000,000 ล้านบาท !

ว่าแต่ทำไมผมจะต้องพูดถึงบุคคลระดับโลกคนนี้ด้วย ในเมื่อตลอดทั้งปีที่ผ่านมาก็มีสื่อต่าง ๆ

พากันขนามนามจนชื่อแทบจะช้ำไปหมดแล้ว ? และที่สำคัญมันเกี่ยวกับเราตรงไหน ?

ด้วยเหตุผลที่ผมมองว่าความไม่ธรรมดาของชายผู้นี้จะสามารถเป็น Case Study ชั้นดี

ที่เราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการเรียนรู้ นำไปประยุกต์ใช้ และสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับเราได้

เพราะอันที่จริงแล้วพวกตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินที่ชวนตาโตของเขานั้น เป็นเพียง ‘ตัวแปรตาม’

ที่คนทั้งโลกเพิ่งได้มาเห็นกันในภายหลัง แต่ ‘ตัวแปรต้น’ สำคัญที่ทำให้เขามีวันนี้ได้

เกิดมาจากคุณสมบัติภายในของเขาเองล้วน ๆ ครับ เพราะถ้าหากใครเคยทำความรู้จักกับประวัติ

ของเขามาบ้างก็คงจะเห็นตรงกันว่า ด้วย ‘สายตาและวิสัยทัศน์’ ของเขาเองนี่แหละที่สร้างความแตกต่าง

และประสบความสำเร็จได้ในระดับโลก

ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อยเลยถ้าเราจะได้เรียนรู้ไปด้วยกันว่า...

ต้องมีสายตาแบบไหนกันนะ ถึงจะมองการณ์ไกลได้แบบ “เจฟ เบซอส” ?

1. สายตาไว

ถ้าพูดถึงสายตาที่ว่องไวของ เจฟ เบซอส คงต้องเท้าความกลับไปตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่เขาเป็นคนช่างสังเกต คอยจับตาดูกระแส เริ่มมองเห็นโอกาส และทำการศึกษาสิ่งใหม่ ๆ อย่าง ‘อินเตอร์เน็ท’ ที่ ณ เวลานั้น

เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาดูโลกและมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว

และที่ใดมีคนมารวมตัวกัน ที่นั่นย่อมเกิดการแลกเปลี่ยนซื้อขาย มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิด

‘การค้าขายออนไลน์’ หรือ ‘Ecommerce’ ขึ้นมา โดยในตอนนั้นเองสายตาของเจฟได้จับจ้อง

ความสนใจไปกับการเลือกสินค้าเป็น ‘หนังสือ’ มาขาย ด้วยการมองเห็นจุดอ่อนของร้านหนังสือทั่วไป

ที่ไม่สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างเพียงพอ หากสาขาไหนไม่มีหนังสือ ลูกค้าก็ต้องเสียเวลาถ่อไปตามหา

ที่สาขาอื่นอีก แต่หากเขาสร้างเป็นฐานข้อมูลมารวบรวมไว้ในที่เดียว แถมต้นทุนก็ยังถูกกว่า ดูแล้วก็น่าจะพลิกปัญหาตรงนี้ให้กลายเป็นโอกาสในกำมือได้สำเร็จ และนั่นเองจึงเป็นก้าวแรกของเว็บไซต์ขายหนังสืออันโด่งดังที่ชื่อว่า Amazon.com ครับ

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมของเจฟ แล้วในมุมของเราล่ะครับ ในสิ่งที่เราทำอยู่นั้นน่าจะมีอะไรอีกบ้าง

ที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็น ? มันน่าจะยังมีอะไรอีกบ้างที่จะสร้างความแตกต่างขึ้นมาได้ ?

และมันจะเป็นยังไงถ้าเราหามันเจอก่อนคนอื่น ?

เพราะฉะนั้นลองฝึกฝนความช่างสังเกต เพื่อจะได้มีสายตาที่ว่องไวแบบ เจฟ เบโซส์ ดูสิครับ

2. สายตาเชื่อมโยง

เราคงจะเห็นกันแล้วว่า เจฟ เบโซส์ มีหัวในการเชื่อมโยงตั้งแต่การมองเห็นสิ่งใหม่ ๆ

อย่าง ‘เครือข่ายอินเตอร์เน็ท’ เอามาจับคู่กับสิ่งเดิม ๆ อย่าง ‘หนังสือ’ จนเกิดเป็นเว็บไซต์เจ้าใหญ่

อย่างในทุกวันนี้

ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เขายังมองออกไปยังแวดวงอื่นอีกมากมาย ที่จะมาสมทบขยายธุรกิจ

ให้เติบโตกว้างไกล ด้วยการรุกคืบไปยังธุรกิจซีดีเพลง เข้าซื้อตั้งแต่เว็บไซต์ภาพยนตร์ยันร้านขายรองเท้า

ทำการดีลกับแบรนด์ดัง ๆ มากมาย จนในที่สุด Amazon.com ก็ได้ขยับขยายจากร้านขายหนังสือออนไลน์กลายเป็นห้างสรรพสินค้าในหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดในโลก

และที่เด็ดสุดคือความคิดแห่งการเชื่อมต่อยุคสมัย ที่หยิบเอาสินค้าพระเอกของตัวเองมาปัดฝุ่น

ประยุกต์ใหม่ให้เกิดเป็นการปฏิวัติวงการหนังสือ จากที่เป็นรูปเล่มบนหน้ากระดาษไปสู่การอ่านบนหน้าจอ อย่าง Ebook อีกทั้งลุกลามไปยังธุรกิจดาวน์โหลดอื่น ๆ ตามมา และนี่ยังไม่นับรวมการเชื่อมตัวเองไปสู่ธุรกิจให้บริการทางด้านซอฟท์แวร์อีกนะครับ ดังนั้นมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเราจะให้สมญานาม เจฟ เบซอส ว่าเป็นนักเชื่อมโยงต่อยอดโอกาสอันดับต้น ๆ ของโลก

คราวนี้กลับมามองที่เราบ้างครับ ในทุก ๆ วันที่เรายังคงทำสิ่งเดิม ๆ มาโดยตลอด ลองมองออกไปรอบ ๆ ลอดกรอบใบเดิมของตัวเองดูบ้าง ว่าในโลกกว้างยังมีอะไรอีก ? พอจะมองเห็นสิ่งไหนที่น่าจะประยุกต์

ให้เข้ากับสิ่งที่เราคุ้นเคยอยู่ได้บ้าง ?

เพราะด้วยมุมมองที่เชื่อมโยงและต่อยอดเก่ง อาจทำให้คุณกลายเป็นอีกคนที่ประสบความสำเร็จ

อย่างแตกต่างได้เช่นกันครับ

3. สายตายาว

อาจจะเรียกได้ว่า เจฟ เบโซส์ เป็นผู้ให้กำเนิดแนวคิดในการทำธุรกิจแบบ Startup คนแรก ๆ ที่ยอมเข้าเนื้อไม่เหลือกำไรในระยะแรก โฟกัสไปกับการทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อ จนเกิดเป็นความคุ้นเคยและกลายเป็นความนิยมในที่สุด เป็นกลยุทธ์ที่จะครอบครองพื้นที่ของตลาด โดยยอมระดมทุนผสมการลงมือลงแรงในวันนี้ เพื่อกินเค้กก้อนใหญ่ไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า พร้อมด้วยมูลค่ากิจการ

ที่เติบโตไม่รู้ตั้งกี่เท่า จนในที่สุด Amazon.com กลายเป็นยักษ์ใหญ่ตัวเอ้แห่งวงการ Ecommerce

เมื่อสลับฉากกลับมาที่ตัวเรา มันอาจจะดีไม่น้อยเช่นกันหากเรารู้จักมองสิ่งที่ทำในระยะยาว

ไม่ใช่หวังผลชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแค่วันนี้พรุ่งนี้

เพราะทุกเส้นทางย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่จะเดินกินลมสบาย ๆ ใช้เวลาวันเดียวก็ถึง

แต่มันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี เราจึงต้องอาศัยความอดทน มุ่งมั่น ตั้งใจ

และเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อในแบบคนที่มองการณ์ไกลเขามองกันครับ

bottom of page